30/10/59

Let's go to Tokyo / ไปเที่ยวโตเกียวกันใหม


เมืองโตเกียว (Tokyo) เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น เป็นแหล่งความเจริญสูงสุดแห่งหนึ่งของทวีปเอเชียและของโลก และเมืองเก่าแก่เมืองนี้ก็มีที่เที่ยวมากมาย สถานที่เที่ยวในโตเกียว มีทั้งแนวโบราณสถาน วัดและศาลเจ้า สวนสวยงามที่ชมดอกซากุระบานแห่งปี และที่พลาดไม่ได้เลย คือ เป็นแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งบันเทิงหลากหลาย เป็นมหานครที่ไม่เคยหลับอีกแห่งของโลก
ภาษาที่ใช้ คือ ภาษาญี่ปุ่น และสกุลเงิน คือ เงินเยนญี่ปุ่น (Japanese Yen หรือ JPY)
มาดูกันเลยคะว่าโตเกียวมีที่เที่ยวที่ใหนน่าสนใจบ้าง

ฤดูใบไม้ผลิ(มีนาคม-พฤษภาคม)
 ที่ญี่ปุ่นฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ช่วงต้นเดือนมีนาคมจะยังหนาวอยู่ พอช่วงกลางเดือนที่อุณภูมิเริ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 16-20℃ ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยแห้งตอนฤดูหนาวจะเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาออกใบมากขึ้น เมื่อถึงสิ้นเดือนมีนาคม เราจะเริ่มเห็นดอกซากุระบานจากทางฝั่งภาคใต้ของประเทศ ดอกซากุระถือว่าเป็นดอกไม้ขึ้นชื่ออีกชนิดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจะนิยมจัดงาน(Hanami)คือไปจับจองที่ กางเสื่อนั่งกินข้าวใต้ต้นซากุระเพื่อชมดอกไม้ไปสังสรรค์ไป โดยงานฮานามิจะถูกจัดในช่วงกลางเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเมษายน พอเข้าสู่ช่วงเมษายนไปจนถึงพฤษภาคม จะเป็นช่วงที่อุณหภูมิอยู่ในระดับที่พอดีอากาศดีที่สุดในหนึ่งปี และในขณะเดียวกันเป็นช่วงเวลาที่เรียกว่า Golden Week (สิ้นเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม) ซึ่งเป็นวันหยุดยาวประจำปีของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีคนมากมายกลับบ้านเกิด ถ้าใครไปช่วงนี้อาจจะต้องไปแย่งกินแย่งใช้กับคนญี่ปุ่นเค้าหน่อยนะคะ  
ฤดูร้อน(มิถุนายน - สิงหาคม)
 ช่วงฤดูร้อนจะเริ่มด้วยการเข้าหน้าฝน ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน ไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม มีระยะเวลานานประมาณ 1 เดือน หน้าฝนที่ญี่ปุ่นจะเป็นอะไรที่ชื้น วันไหนที่ฝนตกก็จะตกแบบปรอยๆ และตกทั้งวัน อุณหภูมิจะไม่ร้อนมากในช่วงนี้ พอเลยหน้าฝนก็จะเข้าสู่หน้าร้อนเต็มตัว โดยรวมแล้วความชื้นในฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นจะสูงทำให้ใครที่ไปเที่ยวในฤดูนี้อาจรู้สึกร้อนอบอ้าว เป็นเพราะไอระเหยของน้ำทะเลแปซิฟิกทางด้านใต้ของประเทศจะเข้ามาปกคลุม คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะชอบไปเล่นน้ำทะเลในฤดูนี้ อุณหภูมิบางวันจะสูงเกิน 35℃ และต้องไม่ลืมว่าบ้านเค้าชื้นกว่าบ้านเรามันจะทำให้ร้อนพอๆกับหน้าร้อนบ้านเรา ช่วงกลางเดือนสิงหาคม จะมีเทศกาล (Obon) หรือเทศกาลเชงเม้งของประเทศญี่ปุ่น คนที่นู่นก็จะถือโอกาสกลับบ้านเกิดทำให้การจองรถไฟ เครื่องบินแน่นมาก  
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน) ช่วงเดือนกันยายนอุณหภูมิจะค่อยๆ ลดลงแต่ยังเหลือความร้อนอยู่ ตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายนไป จนถึงต้นเดือนตุลาคม จะมีพายุลูกใหญ่เข้าติดต่อกัน กันยายน - พฤศจิกายน ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ช่วงนี้คนญี่ปุ่นจะมีกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น งานกีฬาสีในโรงเรียน ออกเที่ยวภูเขาเพื่อ ดูใบไม้ที่ผลัดสีสวยงาม หลังช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่อากาศเริ่มหนาวขึ้น ใบไม้ที่ผลัดสีก็เริ่มร่วง ต้นไม้ใบหญ้าจะเริ่มเฉา  

ฤดูหนาว(ธันวาคม - กุมภาพันธ์)
 พอเข้าเดือนธันวาคมจะเริ่มเห็นหิมะตกในที่ต่างๆ ฤดูหนาวนี้อุณภูมิจะลดลง บางที่ก็ต่ำกว่า 0℃ บางที่หิมะตกสูงทับกันถึง 2-3mก็มี ถ้าเป็นแถบคันโต หรือ แถบโตเกียวจะมีหิมะตกนิดหน่อย และอุณหภูมิก็ไม่ได้ลดลงต่ำมาก อากาศจะแห้ง พอใกล้เทศกาลคริสต์มาส ในเมืองจะถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟ ส่วนช่วงปีใหม่จะเป็นช่วงที่คนกลับบ้าน ที่ญี่ปุ่น เรียกว่า(Hatsumoude)คือ ไปศาลเจ้าเพื่อไปขอพรตอนเริ่มปีใหม่ ช่วงเดือนมกราคม ไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะถือเป็นช่วงเวลาที่หนาวที่สุด ถ้าใครไปช่วงนี้ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวไปเยอะๆหน่อยนะคะ พอเข้ากลางเดือนกุมภาพันธ์ อุณภูมิจะค่อยๆสูงขึ้น ในช่วงนี้คนญี่ปุ่นจะเริ่มเตรียมตัวเพื่อปีการทำงานหรือปีการศึกษาใหม่ เพราะที่นู่นเค้าจะเริ่มต้นในเดือนเมษากันค่ะ 
โอไดบะ (Odaiba)

โอไดบะ (Odaiba)

เป็นเมืองที่เกิดจากการถมทะเลโดยขยะเพื่อสร้างแผ่นดินขึ้นมาเป็นเกาะบริเวณอ่าวโตเกียวเมื่อปี ค.ศ. 1853 ปัจจุบันเป็นเขตธุรกิจสำคัญ และเป็นแหล่งที่เพียบพร้อมไปด้วยสถานบันเทิงนำสมัย แหล่งแฟชั่น สวนสนุกขนาดใหญ่ และย่านกินดื่มยามค่ำคืน โอไดบะเชื่อมกับกรุงโตเกียวด้วยสะพานแขวน 2 ชั้น สะพานสายรุ้ง เรนโบว์ บริดจ์ (Rainbow Bridge) โดยสะพานแห่งนี้ในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟสวยงามจนถือเป็นสัญลักษณ์หลักของโอไดบะ ยิ่งไปกว่านั้น ใกล้กับเขตสะพานยังมีรูปปั้นเทพีเสรีภาพจำลองเหมือนที่ประเทศอเมริกาอีกต่างหาก นอกจากนี้โอไดบะก็ยังเป็นที่ตั้งของชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก (115 เมตร) เมืองจำลองยุโรปในศตวรรษที่ 18 ร้านค้ามากมาย 
การเดินทาง รถไฟสายยูริคาโมะเมะ (Yurikamome line) จากสถานีชิมบาชิ (Shimbashi) ลงที่สถานี Daiba, Fune no kagakukan หรือสถานีใหนก็ได้ตามสะดวก
วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) ในเขตอาสะกุสะ
วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) ในเขตอาสะกุสะ 
วัดเซ็นโซจิ หรือที่นิยมเรียกกันว่า วัดอาสะกุสะเป็น วัดซึ่งตั้งอยู่ในเขตอาสะกุสะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโตเกียว บริเวณรอบๆ วัด จะเต็มไปด้วยร้านค้าในบรรยากาศสมัยเก่า ซึ่งขายทั้งของกินและ ของที่ระลึก เป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง เช่น ชุดยูกะตะ โคมไฟแดงขนาดจิ๋ว พวงกุญแจ พัดจิ๋ว ตุ๊กตาจิ๋ว ตะเกียบ และบริเวณในบริเวณ ถนนนากามิเซะ โดริ (Nakamise Dori) จะมีร้านขนมอร่อยๆมากมาย รวมไปถึงร้านของที่ระลึกน่ารักๆ เช่นกัน 
เทศกาล ทุกๆ วันที่ 3 พฤศจิกายนของทุกปีจะมีเทศกาลเฉลิมฉลองความเป็นมาของเมือง งานโตเกียว จิได มัทซึริ (Tokyo Jidai Matsuri) นอกจากนั้นในเดือนธันวาคมก็เป็นที่จัดงานแฟร์ประจำปี งานฮาโกอิตะ (Hakoita Fair) และในช่วงก่อนเข้าฤดูใบไม้ผลิ ก็จะมีเทศกาลเซ็ทซึบัน (Setsubun) ซึ่งจะจัดที่วัดต่างๆ รอบประเทศรวมถึงที่วัดแห่งนี้ด้วย
การเดินทาง รถไฟใต้ดินสายกินซ่า (Ginza line) จากสถานีอุเอโนะ (Ueno) ลงที่ Asakusa Station แล้วเดินตามป้ายไปประมาณ 5-10 นาที

พระราชวังอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace)

พระราชวังอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace)

พระราชวังเก่า ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ เป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น ในเขตพระราชวังแห่งนี้มีจุดแวะถ่ายรูปยอดนิยม คือ สะพานแว่นตานิจูบาชิ (Nijubashi Bridge) และในบริเวณถัดมาไม่ไกลก็เป็นที่ตั้งของสวนตะวันออกแห่งพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial East Garden) ซึ่งถือเป็นจุดชมซากุระบานยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมือง 
การเดินทาง โดยรถไฟสายชิโยดะ (Tokyo Metro Chiyoda Line) ลงที่สถานี นิจูบาชิเมะ (Nijubashimae)

สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park)

สวนสาธารณะอุเอะโนะ (Ueno Park)

เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองโตเกียว นอกจากนี้ภายในสวนสาธารณะยังมีวัดคันเอจิ (Kaneiji Temple) ซึ่งเคยเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ และในบริเวณสวนยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกรุงโตเกียว (Tokyo National Museum) พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตก (National Museum for Western Art) พิพิธภัณฑ์ศิลปะมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Museum) สวนสัตว์อุเอโนะ (Ueno Zoo) และยังเป็นจุดชมซากุระบานยอดนิยมของเมืองอีกด้วย

เทศกาล ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเข้าฤดูร้อนที่ดอกซากุระบาน จะมีงานชมซากุระที่นี่
การเดินทาง โดยรถไฟใต้ดดินสานกินซ่า ( Ginza Line) และลงที่สถานีอุเอะโนะ (Ueno station)

ชิบูย่า (Shibuya)

ชิบูย่า (Shibuya)

ชิบูย่าหรือชิบูยะ เป็นแหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่อ ถนนของชิบูย่าเป็นศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรมและแฟชั่นของวัยรุ่นในประเทศญี่ปุ่น และเป็นแหล่งกำเนิดของเทรนด์การแต่งตัวต่าง ๆ มากมายและยังเป็นจุดนัดพบยอดฮิต ชินจูกุ (Shinjuku) และฮาราจูกุ (Harajuku) ก็ถือว่าอยู่ในเขตนี้เช่นกัน  ก็ได้ เมื่อเดินออกมาแล้วก็จะเจอรูปปั้นสุนัขผู้ซื่อสัตย์ฮาจิโกะ (Hachiko) ที่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของชิบูย่าตั้งอยู่ตรงสี่แยกที่อยู่ทางออกของสถานีรถไฟ
การเดินทาง การเดินทางโดยนั่งรถไฟสายกินซ่า (Ginza Line) มาลงสถานีชิบูย่า ( Shibuya station) หรือจะใช้รถไฟรอบเมืองสายยามาดะ เซ็น (Yamada sen) ก็ได้คะ

ฮาราจุกู (Harajuku)

ฮาราจุกู (Harajuku)แหล่งแฟชั่นหลุดโลกของชาวญี่ปุ่นวัยกระเตาะ ที่มักนัดกันแต่งตัวมาเดินโชว์เฉิดฉายกันในย่านนี้ ฮาราจูกุตั้งอยู่ระหว่างชิบูย่าและชินจูกุ เป็นจุดนับพบหลักและย่านวัยรุ่นของเมืองคล้ายๆ กับสยามสแควร์บ้านเรา ซึ่งก็แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นเป็นแหล่งร้านค้า ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขนม และร้านอาหารมากมาย ถนนย่อยๆ สุดฮิตในแถบนี้ก็มีอยู่หลายเส้น เช่น ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Dori) ที่ขึ้นว่าเป็นถนนสายเครปแสนอร่อย และถนนโอโมโตะซานโด (Omotosando) แหล่งสินค้าแบรนด์เนมเลื่องชื่อ นอกจากนั้นในบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) อีกด้วย
เทศกาล ในช่วงเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม จะมีเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine Spring Festival)
การเดินทาง โดยรถไฟสายกินซ่า (Ginza Line) หรือ ชิโยดะ (Chiyoda Line) ลงที่สถานีโอโมเตะ ซานโด (Omote-sando station)

ชินจูกุ (Shinjuku)

ชินจูกุ(Shinjuku)
เป็นแหล่งรวมความบันเทิง แหล่งธุรกิจ และห้างสรรพสินค้ามากมาย เช่น ห้างโอดาเกียว (Odakyu) ห้างทาคาชิยามะ (Takashimaya) ห้างอิเซตัน (Isetan) ห้างเคอิโอ (Keio) ห้างมายลอร์ด (Mylord) และศูนย์เครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยามาดะ เด็นกิ (Yamada Denki) เป็นต้น นอกจากนั้นชินจูกุยังเป็นที่ตั้งของอาคารว่าการเมือง มีสถานีชินจูกุ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานีรถไฟที่มีความวุ่นวายที่สุดในโลก และมีที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีก เช่น โรงละครแห่งชาติโตเกียว สวนสาธารณะชินจูกุ เกียวเอ็น (Shinjuku Gyoen) ตรอกร้านอาหารโอโมยิเดะ (Omoide Yokocho) ศาลเจ้าฮะนะโซะโนะ แหล่งร้านกินดื่มศูนย์รวมนักคิดโกลเด้นทาวน์ (Golden Gai) และแหล่งร้านเกาหลี (Shin-Okubo Koreatown)
การเดินทาง รถไฟสายใหนก็ได้คะ มาลงที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku Station) หรือจะใช้รถไฟรอบเมืองสายยามาดะ เซ็น (Yamada sen) ก็ได้เหมือนกันคะ

โอโมเตะซันโด/อาโอยาม่า (Omotesando Aoyama)

โอโมเตะซันโด/อาโอยาม่า (Omotesando Aoyama)

ย่านไลฟ์สไตล์อันทันสมัยอยู่ติดกับฮาราจูกุ ถนนโอโมเตะซันโด (Omotesando) ซึ่งได้ขนานนามว่า “ถนนช็องเซลีเซ แห่งกรุงโตเกียว" (Champs-Elysees of Tokyo) เป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านสินค้าแบรนด์เนมและอยู่ไม่ไกลจากชิบูย่าและฮาราจุกุ

การเดินทาง โดยรถไฟสายชิโยดะ (Chiyoda Line) ลงที่สถานีเมยจิจินกู แมะ( Meijijingu-Mae Station ) หรือจะลงที่สถานีชินจูกุก็ได้เหมือนกัน เดินประมาณ 5 นาทีก้ถึงแล้วคะ

หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower)

หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower)

หอคอยสูง 333 เมตร ที่เลียนแบบมาจากหอไอเฟล (Eiffel Tower) ในปารีส (Paris) แต่สูงกว่าและเบากว่า เป็นหอคอยการสื่อสารของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังเป็นจุดชมวิวยอดนิยมและยังถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างของเมือง หอคอยแห่งนี้เปิดให้ทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 มีจุดชมวิวที่ความสูง 2 ระดับ คือ จุดชมวิว 150 เมตร และจุดชมวิว 250 เมตร ในบริเวณชั้นที่ 1 มีส่วนของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ โอเชี่ยนเวิลด์ (Ocean World) ชั้นที่ 3 เป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ชั้นที่ 4 เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Art Gallery) และมีร้านค้า ร้านอาหารให้บริการอยู่บนหอคอยแห่งนี้ด้วย
การเดินทาง โดยรถไฟสายมิตะ (Mita Line) ลงที่สถานี ชิบาโคน(Shibakoen Station)
รอปปอนกิ (Roppongi)
รอปปอนกิ (Roppongi)
เป็นย่านที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว แหล่งท่องเที่ยวยามราตรี และมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ โตเกียว ทาวเวอร์ ก็อยู่ในเขตนี้
การเดินทาง โดยรถไฟสายฮิบิยา (Hibiy Line ) หรือ สายโออิโด (Oedo Line)

กินซ่า (Ginza)

กินซ่า (Ginza)

แหล่งร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมหรูหรา และร้านอาหาร ภัตตาคารระดับ 5 ดาว ใครที่ชอบความหรูหรา ไฮโซ ไควรพลาด

การเดินทาง โดยรถไฟสายกินซ่า (Ginza Line) ลงที่สถานีกินซ่า (Ginza station)

ย่านราตรีคาบูกิ (Kabukicho)

ย่านราตรีคาบูกิ (Kabukicho)

แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีทั้งร้านอาหาร ผับบาร์ และที่เที่ยวยามราตรีมากมาย
การเดินทาง  โดยรถไฟสายเซยบุ ชินจูกุ(Seibu-Shinjuku) ลงที่สถานีเซยบุ ชินจูกุ (Seibu-Shinjuku station)

โคอิชิกาว่า โคระกุเอ็น (Koishikawa Korakuen)

โคอิชิกาว่า โคระกุเอ็น (Koishikawa Korakuen)

เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดและดีที่สุดของประเทศ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์จะมีเทศกาลลูกพลัม และเทศกาลชมดอกซากุระบาน
การเดินทาง โดยรถไฟสายมิตะ (Mita Line) หรือ สายสาซะนามิ (Sazanami Line) ลงที่สถานี (Suidobashi Station)


สวนพฤกษชาติโคอิชิกาว่า (Koishikawa Botanical Garden)
สวนพฤกษชาติโคอิชิกาว่า (Koishikawa Botanical Garden)
สวนญี่ปุ่นตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยโตเกียว ซึ่งมีพันธุ์พืชกว่า 1000 สายพันธุ์
การเดินทาง รถไฟสายมารุนอึนชิ  (Marunouchi Line) และลงที่สถานีเมียวกาดานิ(Myogadani Station)
hinjukuStatio

ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)

ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)

ศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนปลาและสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโตเกียวและยังถือเป็นตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในแต่ละวันจะมีการซื้อขายปลาและสัตว์น้ำมากกว่า 2000 ตัน ตลาดจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ถึงบ่าย 2 โมง หากอยากจะมาชมการประมูลปลาทูน่า จะต้องมาระหว่าง 05.25-6.15 น. และมาต่อคิวแต่เนิ่นๆ เพราะทางตลาดจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้แค่ 120 คนต่อวันเท่านั้น นอกจากจะขายปลาและอาหารทะเลเป็นหลักแล้ว ก็ยังขายผัก ผลไม้อีกด้วย ส่วนคนที่รักอาหารทะเลและซูชิก็ไม่น่าพลาด เพราะในละแวกตลากปลาซึกิจิ ก็มีร้านอาหารทะเลและร้านซูชิที่รับประกันความสด อร่อย และราคาย่อมเยาอยู่มากมาย 
 การเดินทาง โดยรถไฟใต้ดินสายสีม่วง สายโทเออิ โออิโด (Toei Oedo Line) ลงที่สถานีซีกิจิ (Tsukiji Station)

โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต (Tokyo Disney Resort)

โตเกียวดิสนีย์รีสอร์ต (Tokyo Disney Resort)

สวนสนุกระดับโลก สาขาโตเกียวซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นสวนสนุกบนพื้นดิน (Disney Land) และส่วนของสวนสนุกแบบสวนน้ำ (Disney Sea) ที่คุณจะได้เพลิดเพลินตากับการล่องเรือไปชมตุ๊กตานานาชาติ สนุกสนานกับเครื่องเล่นต่างๆ และชมการแสดงพาเหรดตัวการ์ตูน โดยมีการแบ่งโซนเครื่องเล่นเป็น 7 โซน ที่สำคัญยังมีส่วนของโรงแรมที่พัก ร้านค้าและศูนย์รวมร้านอาหาร เรียกได้ว่าครบวงจรการท่องเที่ยวแบบครอบครัวเลยทีเดียว
การเดินทาง โดยรถไฟ JR Tran สายโจบาน (Joban Line) หรือ สายสาซะนามิ Sazanami Line)ลงที่สถานี Maihama station

แนะนำการเดินทาง 

โดยใช้บัตรโดยสาร IC ที่สามารถใช้ได้ทั่วญี่ปุ่นทั้งกับรถไฟหลักๆ และรถบัสในเขตตัวเมืองโตเกียว ถ้าคุณซื้อบัตรใหม่พร้อมเติมเงินล่วงหน้าก็สามารถผ่านเข้าสู่ชานชาลาได้โดยเอาบัตรแตะที่ประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติหรือที่เครื่องอ่านตั๋วอัตโนมัติของรถบัส ค่าโดยสารจะถูกหักจากบัตรโดยอัตโนมัติ บัตรนี้ใช้ชำระค่าสินค้าแทนเงินสดที่ร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนได้อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: